มนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ (Loveland Frogmen) อมนุษย์ปริศนา ที่ยังรอคอยการพิสูจน์ความจริงของประเทศสหรัฐอเมริกา

มนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ (Loveland Frogmen) เป็นหนึ่งในปริศนาที่น่าสนใจมากที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร แถมยังสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในทุกระดับของสังคมตั้งแต่เกษตรกร เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจนถึงบรรดานักธุรกิจท้องถิ่น เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ลักษณะทางกายภาพของมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์

กล่าวกันว่ามนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์มีความสูงถึง 1.22 เมตร หนักราว 22 กก. มีผิวหนังสีเขียว หน้าตาเป็นกบที่มีตา ปากขนาดใหญ่ เดินสองขา บางคนอ้างว่าพวกมันมีรอยย่นลึกบนศีรษะ แถมยังมีสิ่งที่ดูเหมือนเส้นขนหรือเส้นผมอีกด้วย
เริ่มต้นเรื่องราวของมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์

ในเดือนพฤษภาคม ปี 1955 ณ เมืองเลิฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ถนนสายเปลี่ยวที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำลิตเติ้ลไมอามี่ที่แสนเงียบสงบ เวลาประมาณ 03.30 น. นักธุรกิจคนหนึ่งอ้างว่าได้พบเห็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ข้างถนน เขาจอดรถที่ข้างทางแล้วสังเกตดูสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นนานประมาณ 3 นาที ก่อนที่จะพบว่ามันสูงราว 1.22 เมตร ร่างกายปกคลุมด้วยหนัง มีมือและเท้าเป็นพังผืด สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดคือส่วนหัวที่คล้ายกับกบเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บนศีรษะยังมีร่องลึกที่ดูเหมือนจะมีขนราวกับเส้นผมด้วย!? แถมพวกมันยังมีกันถึงสามตัว
ในขณะที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่ ทันใดนั้นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตปริศนาก็แกว่งไม้เท้าที่ดูราวกับไม้กายสิทธิ์ไปมาบนหัว ก่อนที่จะเกิดประกายไฟพวยพุ่งออกมา ในพริบตาต่อมา เขารีบหนีออกจากที่ซ่อนตัวทันที!
หลังจากนั้นประมาณ 17 ปี ในปี 1972 ราว 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งกำลังเดินทางไปตามถนนริเวอร์ไซต์มุ่งหน้าไปยังเลิฟแลนด์อย่างช้าๆ เนื่องจากบนถนนมีน้ำแข็งจำนวนมากเกาะอยู่ ในตอนนั้นเองที่เขาได้สังเกตเห็นบางสิ่งที่ดูเหมือนกับสุนัขอยู่ที่ริมถนน
ทันใดนั้นเอง มันก็พุ่งไปที่ด้านหน้าของรถ บังคับให้เขาต้องเหยียบเบรก เมื่อรถหยุดลงไฟหน้ารถก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดนอนคว่ำอยู่ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที สิ่งที่ดูคล้ายกับกบยักษ์ก็ยืนสองขาขึ้นแล้วจ้องมองกลับไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะปีนรั้วข้ามไปริมฝั่งแม่น้ำแล้วหายลับไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายลักษณะของมันว่ามีความสูงประมาณ 1.22 เมตร หนักราว 22 กก. ผิวหนังเป็นหนังคล้ายกับกบหรือจิ้งจก เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งในตอนเย็นของวันนั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นถึงวี่แววของสิ่งมีชีวิตปริศนา แต่มีร่องรอยขีดข่วนบนร้าวกั้นที่ถูกบอกว่าเป็นจุดที่มันปีนหนีไป
ราวสองสัปดาห์ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ “Mark Mathews” ได้พบเห็นสิ่งที่ดูเหมือนกับสัตว์บาดเจ็บนอนอยู่บนทางเท้า เขาเลยจอดรถแล้วเดินไปที่สัตว์ตัวนั้น อยู่ๆมันก็เปลี่ยนจากท่านอนเป็นหมอบอย่างกะทันหัน เขาจึงได้ใช้ปืนยิงไปที่มัน แต่มันก็เดินโฉบหลบไปที่ถนนก่อนที่จะก้าวข้ามรั้วหนีไปได้อย่างง่ายดาย คำบอกเล่าของเขา ตรงกับคำอธิบายของเจ้าหน้าที่คนแรกทุกประการ

การพบเห็นมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ ยังเกิดขึ้นกับเกษตรกรในพื้นที่ พยานคนหนึ่งอ้างว่าได้เห็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่มีดวงตากลมโต ผิวมีสีเทาอมเขียว ปากซีดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคม โชคดีที่มันไม่ได้ประสงค์ร้าย มันมุ่งหน้าอย่างเงียบๆกลับไปยังแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆ
การเผชิญหน้ากับมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าถูกทำร้ายโดยสิ่งมีชีวิตปริศนา ในขณะที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในแม่น้ำโอไฮโอ ใกล้กับเมืองอีแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียนา มนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ได้จับขาของเธอเอาไว้ แล้วพยายามลากลงไปใต้น้ำ
ด้วยความตื่นตระหนก เธอพยายามเตะมันจนกระทั่งดิ้นหลุดและได้รับการช่วยเหลือจากผู้คนแถวนั้น อย่างไรก็ตาม การจู่โจมดังกล่าวได้ทิ้งร่องรอยขีดข่วน รวมทั้งลายฝ่ามือสีเขียวที่ผิดปกติติดอยู่บนขาของเธอเป็นเวลานานหลายวัน
หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ไม่มีรายงานการพบเห็นมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ แต่ในบริเวณนี้ ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่เหล่านักพิสูจน์เรื่องเหนือธรรมชาติพากันมารวมตัว เพื่อตามล่าหาความจริงของมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์มาจนถึงปัจจุบัน
มนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์ กับตำนาน Shawnahooc ของชาวอินเดียนพื้นเมือง

เชื่อกันว่าที่จริงแล้วตำนานของมนุษย์กบแห่งเลิฟแลนด์อาจมีต้นกำเนิดที่ยาวนานกว่าปี 1955 ชาวอเมริกันพื้นเมืองคุ้นเคยกับตำนานของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่เรียกว่า Shawnahooc (River Demon) มันถูกอธิบายว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สามารถเดินสองขาได้ พวกมันอาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำลิตเติ้ลไมอามี
ปีศาจแห่งแม่น้ำนี้ดุร้าย พวกมันคุกคามชนเผ่าพื้นเมืองจนถึงขนาดที่จำเป็นจะต้องส่งนักรบที่เก่งกาจที่สุดไปปราบ หลังจากที่สิ้นสุดการต่อสู้ พวกมันได้ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ แต่หลังจากที่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดจากเหล่าคนขาวผู้บุกเบิกดินแดน พวกมันได้กลับไปอาศัยอยู่ที่ริมฝั่งของแม่น้ำเช่นเดิม
เรือนจำ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมี 5 เรือนจำที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นสถานที่สุดเฮี้ยนมากที่สุดของโลก...

