เจ้าแม่หนี่วา เทพมารดา ผู้พิทักษ์ของชาวจีน

            “เจ้าแม่หนี่วา” เป็นเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ ในฐานะมารดาผู้สร้างมนุษย์ ผู้ซ่อมเสาค้ำสวรรค์ อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องโลกใบนี้จากภัยพิบัติต่างๆ โดยเจ้าแม่หนี่วา ได้ปรากฏขึ้นตัวครั้งแรก หลังการสร้างจักรวาล และโลกของเทพ “ฝ่านกู่”  จากบันทึกต่างๆ เชื่อกันว่า เจ้าแม่หนี่วา มีร่างกายท่อนบนเป็นหญิงสาว ท่อนล่างเป็นงู บางตำราระบุว่า มีศรีษะเป็นมนุษย์ ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นงูทั้งสิ้น จึงเป็นที่รู้จักกันดีในอีกนามหนึ่งว่า “เทพธิดางู” เจ้าแม่หนี่วามี นิสัยรักความสงบ เปี่ยมด้วยความเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือมนุษย์ที่เปรียบเสมือน “ลูกๆ”  จากภัยพิบัติทั้งปวง นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า เจ้าแม่หนี่วา เคยมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ โดยมีศักดิเป็นน้องสาวร่วมมารดาของ “ฮกฮีฮ่องเต้” หรือ “เทพฝูชี” ตามบันทึกในพงศวดารจีน และคัมภีร์ไคเภ็ก เมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชน เจ้าแม่หนี่วา ได้ขึ้นครองราชเป็นฮ่องเต้หญิงองค์แรก ทรงพระนามว่า “พระนางนึ่งฮอสีฮ่องเต้”

            เรื่องราวการสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตทั้งมวลของ เจ้าแม่หนี่วา ต้องเล่าย้อนกลับคืนไปตั้งแต่สมัยที่โลก และสวรรค์ได้ถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เจ้าแม่หนี่วา ได้อภิเษกกับ “เทพฝูชี” ครั้นคู่สมรสออกไปทำภารกิจข้างนอก เจ้าแม่หนี่วา เกิดความเหงา จึงเสด็จลงมาเยี่ยมเยือนโลก ถึงแม้จะมีบรรยากาศทิวทัศน์ที่งดงาม ต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง ชวนให้ดื่มด่ำ แต่ เจ้าแม่หนี่วา รู้สึกเปลี่ยวเหงา จนรำพึงว่า “ท้องฟ้ามีดาว ทะเลมีปลา โลกมีสัตว์ แต่ฉันไม่มีอะไรเลย” หลังจากนั้น เจ้าแม่หนี่วา บังเอิญเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ จึงได้หยิบดินเหนียวสีเหลืองขึ้นมาปั้นสิ่งมีชีวิตต่างๆ พร้อมกับมอบชีวิตให้กับดินปั้นเหล่านั้น

            วันแรก เจ้าแม่หนี่วา ได้ ปั้นไก่ ให้ขันในยามรุ่งอรุณ วันที่สอง ปั้นสุนัข ผู้จงรักภัคดี วันที่สามปั้นแกะ ผู้อ่อนโยน วันที่สี่ปั้นหมู ผู้มีความสุขทุกที่แม้ในปลักโคลน วันที่ห้าปั้นวัว ที่คอยก้มหน้าก้มตาเล็มทุ่งหญ้าสีเขียว วันที่หกปั้นม้า ที่วิ่งอย่างอิสระเสรีไปทุกแห่งหน และวันที่เจ็ดได้ปั้นมนุษย์ อย่างบรรจงเป็นพิเศษ โดยสร้างมนุษย์ผู้ชายคนแรกในตอนกลางวัน ทำให้พวกเขามีความกล้าหาญ และสร้างผู้หญิงในตอนกลางคืน ทำให้พวกเธอมีน้ำใจดุจดั่งดวงจันทร์โดยเลียนแบบรูปกายของตัวเอง สร้างขาสองข้างให้ เพื่อให้มนุษย์สามารถยืนตัวตรงได้ แล้วนำหินจากแม่นำมาติดเป็นดวงตา แต่หินนั้นทำให้ มนุษย์แรกร้องไห้ตลอดเวลา และวิ่งหนีไป เจ้าแม่หนี่วา จึงดึงด้านข้างศรีษะของมนุษย์คนนั้นเอาไว้ ทำให้กลายเป็นหู คนในสมัยก่อนจึงใช้การดึงหู ในการสั่งสอนเด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อฟัง จากนั้น เจ้าแม่หนี่วา ได้ทำการเขียนปาก เจาะรูหูให้ เมื่อมีความสมบูรณ์มากขึ้น มนุษย์ที่มีผิวเหลืองเหมือนดินเหล่านั้น เริ่มเต้นรำไปรอบๆ เปล่งเสียง ร้องเพลง เคารพบูชา พร้อมกับเรียกเธอว่า “แม่”  ทำให้ความโดดเดี่ยวของ เจ้าแม่หนี่วา หายไปในบัดดล เธอจึงหยิบดินเหนียวขึ้นมาปั้นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสอนให้ใช้ใบไม้เป็นเครื่องนุ่งห่ม และวิธีการเลือกทานผลไม้เพื่อประทังชีวิต

หลังจากนั้น เจ้าแม่หนี่วา รู้สึกเริ่มเหนื่อยจากการปั้นมนุษย์ และเห็นว่าการบรรจงสร้างมนุษ์ทีละคนเป็นเรื่องที่เสียเวลามากจนเกินไป เจ้าแม่หนี่วา จึงใช้เส้นด้ายจุ่มดินเหนียว ดินโคลน แล้วสะบัดลงไปบนพื้นโลก เศษดินเหนียว และหยดโคลนเหล่านั้น ได้กลายเป็นมนุษย์จำนวนมาก แต่เนื่องจากความไม่ปราณีต ทำให้มนุษย์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาภายหลัง มีความแตกต่างกัน บ้างพิกลพิการ หน้าตาแตกต่างกัน ดินเหนียวชุดก่อนหน้า ที่ถูกบรรจงปั้น กลายเป็นคนร่ำรวย มีเกียรติ เศษโคลน ภายหลัง กลายเป็นคนยากจน จากนั้น เจ้าแม่หนี่วา มอบความสามารถในการมีบุตร เพื่อช่วยลดภาระในการสร้างมนุษย์ให้น้อยลง เมื่อพอใจกับการมอบชีวิตชีวาให้กับโลกที่สวยงาม เจ้าแม่หนี่วา ได้กลับสู่สวรรค์ ในบางตำนานเชื่อว่า มนุษย์ แท้จริงแล้วเป็นลูกหลานที่ถือกำเนิดจาก เจ้าแม่หนี่วา และเทพฝูชี เจ้าแม่หนี่วา ทรงรักมนุษย์มาก และคอยเฝ้าดูอยู่เงียบๆ เพราะไม่ต้องการให้มนุษย์สรรเสริญนางมากจนเกินไป แต่เมื่อคราวที่โลกประสบภัย เจ้าแม่หนี่วา ก็ได้ปราฏกตัวออกมาช่วยเหลือปกป้องโลกมนุษย์จากภัยพิบัติครั้งใหญ่เอาไว้อยู่เสมอ

            เจ้าแม่หนี่วา ปรากฏตัวอีกครั้ง ตามตำนานการอุดรอยรั่วบนท้องฟ้า ที่เกิดจากการต่อสู้กันระหว่างเทพแห่งไฟ และเทพแห่งน้ำ ในระหว่างการสู้รบ เต่ายักษ์ของเทพแห่งน้ำ ได้ไปชนเข้ากับ “ปุดจิว” ที่ทำหน้าที่เป็นเสาค้ำท้องฟ้า จนทำให้ท้องฟ้าเอนเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และผืนดินเอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ภูเขา ผืนป่า ไร่นา บ้านเรือน ถูกไฟเผาทำลาย เกิดน้ำท่วมใหญ่เจิงนองไปทั่วแผ่นดิน ส่งผลให้เหล่าปีศาจฮึกเหิมหลั่งไหล่ออกมาทำร้ายมนุษย์ เจ้าแม่หนี่วา ทนไม่ได้กับการเห็นเหล่าลูกๆทุกข์ทรมาน จึงต่อสู้กับปีศาจ มังกร และสัตว์ดุร้ายมากมาย เพื่อปกป้องมนุษย์ และได้ใช้ขาของเต่ายักษ์ มาค้ำยันท้องฟ้าเอาไว พร้อมกับซ่อมแซมอุดรูรั่วที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยหิน 5 สี จากริมฝั่งแม่น้ำ อันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ไม้, ไฟ, ดิน , น้ำ และโลหะ จนกระทั่งสามารถช่วยเหลือโลกมนุษย์เอาไว้จากการถูกทำลายในที่สุด หลังจากเสร็จภารกิจปกป้องเหล่าลูกหลานที่ตนเป็นผู้สรรสสร้าง เจ้าแม่หนี่วา ที่เหนื่อยล้า ได้ทอดตัวลงนอนหลับลงบนผืนดิน กลายเป็นเทือกเขาใหญ่ ที่คอยดูแลปกป้องประเทศจีน ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และยิ่งใหญ่ สืบต่อมาตราบจนปัจจุบัน

แบ่งปัน: